วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556

เกาะขาม จังหวัดชลบุรี


เกาะขาม จังหวัดชลบุรี



                       อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม จ .ชลบุรี เกาะเล็ก ๆ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอำเภอสัตหีบห่างออกไปจากฝั่งประมาณ 9 กม. ใช้เวลา เดินทางด้วยเรือ ประมาณ 20 นาที เกาะขามมีรูปร่างคล้ายตัว H มีพื้นที่ประมาณ61 ไร่ อยู่ภายใต้การ ดูแล ของกองเรือป้องกันฝั่ง ชายหาดของเกาะขามมีสองหาดใหญ่ ๆ คือหาดด้านทิศเหนือและทิศใต้ ชายหาดด้าน ทิศเหนือเป็น ทรายค่อนข้างละเอียด เหมาะ สำหรับการว่ายน้ำและสันทนาการทางน้ำ ด้านทิศใต้เป็นหาดทราย หยาบมีหินกรวดและซากปะการังทับถมเต็มชายหาด ลึกลงไป ในน้ำของเกาะขามจะพบ แนวปะการังอันอุดม สมบูรณ์ กระจาย ตัวอยู่รอบๆเกาะเกาะบริเวณที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ของปะการัง อยู่ทางทิศใต้ ซึ่งแนว ปะการังใน บริเวณ นี้จะ เป็น ปะการังเขากวาง ปะการังโต๊ะ และปะการังสมอง ในระดับความลึกของน้ำ ประมาณ 3 - 6 เมตร จึงเหมาะสำหรับการดำน้ำท่องเที่ยวทั้งแบบผิวน้ำและแบบน้ำลึก นอกจากนี้แล้ว ยังพบปลาทะเลที่สวยงาม ได้แก่ ปลาผีเสื้อปลาสลิดหิน ปลาอมไข่ ปลากะรัง และ ปลารวมฝูง เช่น ปลาหางเหลือง นอกจากนี้ยังพบ สัตว์ ทะเลอื่น ๆ ได้แก่ หอยมือเสือ หอยมือแมว ดอกไม้ทะเล กับปลาอินเดียแดง กุ้งและปูชนิดต่าง ๆ ดาวขนนก เม่นทะเล และปลิงทะเลที่มีความสวยงาม โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว












วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค จังหวัดชลบุรี


ไร่องุ่นซิลเวอร์เลค





             ไร่องุ่นซิลเวอร์เลคเป็นอะไรที่ได้ยินบ่อยมาก ๆ ในช่วงหลัง ๆ นี้ เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของพัทยาที่เป็นที่นิยมมากกับทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ แม้แต่ในช่วงฤดูกาลที่ไม่มีค่อยผลองุ่นนั้นยังมีนักท่องเที่ยวไปเยือนไร่แห่งนี้มากมายอยู่เลย ที่เป็นแบบนี้ก็อาจจะเป็นเพราะว่าที่ไร่องุ่นมีทิวทัศน์ที่สวยงามของดอกไม้ มองเห็นเขาชีจรรย์เป็นแบ็กกราวด้วย กิจกรรมและสินค้าภายในไร่ก็เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวเช่นกัน

หลังจากไร่องุ่นซิลเวอร์เลคแห่งนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมได้แล้วนั้น ไร่แห่งนี้ก็ได้รับการโปรโมตผ่านทางละครไทยเรื่องสูตรเสน่หา และตั้งแต่นั้นเองที่ไร่แห่งนี้เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวันนี้เวลาใครมาเที่ยวพัทยาก็มักจะแวะเวียนมาและบอกต่อเพื่อน ๆ เกี่ยวกับไร่ที่สวยงามแห่งนี้ด้วย

ความสวยงามและความเป็นธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งที่คนที่อยู่ในเมืองตามหาเสมอ สีสันของดอกไม้มากมายของไร่องุ่นซิลเวอร์เลคจึงเป็นตัวช่วยดึงดูดผู้คนได้มาก ขณะที่เดินชมดูไร่ก็จะมีลมพัดมาเรื่อย ๆ ทำให้ไม่ร้อนจนเกินไปนัก แต่ยังไงซะก็คงจะดีกว่าถ้าใครจะทาครีมกันแดดหรือใส่หมวกหากไปชมไร่ตอนแดดจ้า ๆ ส่วนในตอนเย็น ๆ นั้นจะเป็นเวลาที่นักท่องเที่ยวมักจะให้ความสนใจมากกว่า เพราะไม่ร้อนมาก และยังมีบรรยากาศโรแมนติกจากพระอาทิตย์ตกกลางทะเลสาบอีกด้วย

ซิลเวอร์เลคยังคงได้รับการปรับปรุงเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากขึ้นอยู่ตลอด กิจกรรมในไร่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่มาช่วยส่วนนี้ได้ เพราะสามารถสร้างความสนุกได้ทั้งทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็น ขี่รถ ATV นั่งรถม้า ขี่ช้าง ขี่จักรยาน หรือชมรอบ ๆ ด้วยรถบัสของไร่ และแน่นอนที่สุดว่าในไร่ต้องมีสินค้าที่ทำมาจากองุ่นด้วย เช่น น้ำองุ่น 100% แยมองุ่น พายองุ่น ลูกเกต และอื่น ๆ เพราะฉะนั้นลองแวะเข้าไปเลือกสรรดูได้เลย นอกจากนี้ยังมีโรงอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกินเลย แต่หากใครจะนำอาหารไปนั่งกินข้าง ๆ ทะเลสาบก็ทำได้เช่นกัน

วิธีการไปไร่องุ่นซิลเวอร์เลคแห่งนี้ก็เหมือนกับเขาชีจรรย์ เพราะตั้งอยู่ใกล้ ๆ กันเลย คือออกจากตัวเมืองพัทยาไปทางสัตหีบด้วยถนนสุขุมวิท แล้วจะมีทางเลี้ยวซ้ายเข้าไปเขาชีจรรย์ พอเลี้ยวไปแล้วก็ตรงไปสักพักนึงประมาณ 6 กิโลเมตรก็จะถึงไร่องุ่น















วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556

เรือจักรีนฤเบศ จังหวัดชลบุรี

ท่องเที่ยวสัตหีบ ชมเรือจักรีนฤเบศร 
สวัสดีค่ะ...ก่อนอื่นเราจะนำเพื่อนๆไปทำความรู้จักกับ เรือลำนี้กันก่อนนะค่ะ
ความเป็นมา ของเรือลำนี้สืบเนื่องมาเมื่อปี พ.ศ 2532 ได้เกิดพายุไต้ฝุ่ยเกย์ ขึ้นในอ่าวไทยจากเหตุ
การณ์ในครั้งนั้นทำให้ประชาชนและชาวประมงที่ประสบเหตุหรือผู้ที่อยู่อาศัยใกล้พื้นที่ต้องบาดเจ็บล้ม
ตายเป็นจำนวนมากทั้งในด้านต่างๆอันได้แก่ การคมนาคม การสื่อสาร ต้องถูกตัดขาดลงอย่างสิ้นเชิง
กองทัพเรือในฐานะหน่วยกำลังทางทะเล ได้ใช้ความสามารถต่างๆอาทิเช่นกองกำลังทางทะเล และ
เครื่องบิน ถึงกระนั้นยังไม่สามารถต้านทานต่อสภาพเลวร้ายทางทะเลในครั้งนั้นได้ และนี่คือแนวคิดใน
การจัดหาเรือขนาดใหญ่พร้อมเฮลิคอปเตอร์หรือ อากาศยานที่มีลักษณะเด่นเพื่อใช้ในการช่วยเหลือ
และค้นหาผู้ประสบภัยทางทะเลได้ดี อีกทั้งประเทศไทยเราประกาศเขตเศรษฐกิจจำเพาะออกไปอีก
200 ไมล์ทะเล ดังนั้นยังมีภารกิจอีกอย่างคือ ปกป้องผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอีกทางหนึ่งด้วย
อนุมัติสร้าง คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2535 อนุมัติให้กองทัพเรือว่าจ้างสร้างเรือ
บรรทุกเฮลิคอปเตอร์ ลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาลจำนวน 1 ลำจากบริษัทบาซาน ประเทศสเปนวงเงิน
ประมาณ 7,100 ล้านบาท และในวันพิธีปล่อยเรือลงน้ำ นั้นนับเป็นมหามงคลต่อกองทัพเรือที่ 
สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงกรุณาเสด็จเป็นองค์ประธาน สมเด็จพระราชินีโซเฟีย แห่ง
ประเทศสเปนทรงเสด็จร่วมในพิธีปล่อยเรือลงน้ำ ที่อู่บาซาน เมืองเฟโรล ในวันที่ 20 มกราคม 2539


ภารกิจของ ร.ล จักรีนฤเบศร ในยามสงบ อันได้แก่คอยปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติในทะเลได้แก่เส้นทางคมนาคม และทรัพยากรธรรมชาติ
ของชาติ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเลสามารถค้นหาและเป็นฐานปฎิบัติการณ์ลอยน้ำให้กับหน่วยงานต่างๆได้ และยังสามารถเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่
ที่คอยช่วยเหลือในกรณีประสบภัยอีกด้วย อีกทั้งสามารถอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ด้วย เฮลิคอปเตอร์ประจำเรือและ คอยควบคุมรักษาสิ่งแวดล้อมในทะเล
ส่วนในยามสงคราม เรือจักรีนฤเบศรก็จะมีหน้าที่ควบคุมและบัญชาการกองเรือในทะเล และปราบเรือดำน้ำและสนับสนุนการปฎิบัติการทางทหารอีกด้วย
ลักษณะทั่วไปของเรือ ความยาวตลอดลำ 182.6 เมตรหรือประมาณสนามฟุตบอล 2 สนามต่อกัน กินน้ำลึกที่ระวางขับน้ำสูงสุด 6.12 เมตรหรือ
สูงเท่าสะพานลอยคนข้าม ระวางขับน้ำสูงสุด 11,485.5 เมตริกตันเครื่องยนต์ดีเซล MTU จำนวน 2 เครื่องๆละ 5,516 แรงม้าเครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์
2 เครื่องๆละ 22,117 แรงม้า ความเร็วสูงสุดที่ 48 กิโลเมตรต่อชั่วโมงความเร็วเดินทาง 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอากาศยานประจำเรืออันได้แก่
เครื่องบิน ขึ้น-ลง แนวดิ่ง แบบ AV-8S ( SEA HARRIER ) จำนวน 9 เครื่อง
เฮลิคอปเตอร์แบบ S-70B-7 ( SEA HAWK ) จำนวน 6 เครื่อง
กำลังพลประจำเรือ 601 นาย










วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

ประวัติความเป็นมาของจังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยอง


ประวัติความเป็นมาของจังหวัดระยอง 
      ระยองเริ่มปรากฏชื่อในพงศาวดารเมื่อปีพุทธศักราช 2113 ในรัชสมัยของสมเด็จพระมหาธรรมราชาแห่งกรุงศรีอยุธยา การก่อตั้งเมืองมีข้อสันนิษฐานว่า ก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณพุทธศักราช 1500 ยุคที่ขอมมีอานุภาพเฟื่องฟูแถบดินแดนสุวรรณภูมิ นักโบราณคดีได้สันนิษฐานจากหลักฐานที่พบ คือ ซากศิลาแลง คูค่ายที่ยังหลงเหลืออยู่ในเขตอำเภอบ้านค่าย อันเป็นศิลปะการก่อสร้างแบบขอม 
      ประวัติศาสตร์ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาได้กล่าวถึงเมืองระยอง ในช่วงที่กรุงศรีอยุธยาใกล้จะเสียกรุงแก่พม่าเป็นครั้งที่ 2 ในรัชสมัยของพระเจ้าเอกทัศน์ ในเดือนยี่ ปีพุทธศักราช 2309 พระยาวชิระปราการ หรือ พระยาตาก พร้อมไพร่พลประมาณ 500 คน ได้ตีฝ่าวงล้อมทัพพม่ามุ่งสู่ตะวันออกมาหยุดพักไพร่พลที่เมืองระยองและได้ปราบปรามคณะกรมการเมืองที่แข็งข้อ จนยึดเมืองระยองได้ ก่อนเดินทัพต่อไปยังเมืองจันทบุรี เพื่อยึดเป็นที่ตั้งมั่นในการกอบกู้อิสรภาพคืนจากพม่าได้ในปีพุทธศักราช 2311
      ชื่อเมือง “ระยอง” ไม่มีคำแปลในภาษาไทย สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นคำในภาษาของชนเผ่าชอง ซึ่งจัดอยู่ในสายตระกูลมอญ-เขมร มีสมมุติฐานที่เชื่อกันว่าเป็นชาวพื้นเมืองดั้งเดิมเผ่าหนึ่งซึ่งตั้งถิ่นฐานอยู่ในจังหวัดระยองและบริเวณชายทะเลภาคตะวันออกของประเทศไทย แถบจังหวัดตราด จันทบุรี และระยอง 
      คำว่า “ระยอง” ซึ่งออกเสียงว่า “รา-ย็อง” ในภาษาชองมีความหมายว่า “เขตแดน” อีกนัยหนึ่งกล่าวว่า “ราย็อง” ในภาษาชองมีความหมายว่า “ไม้ประดู่” ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ขึ้นอยู่หนาแน่นเป็นป่าปรากฏอยู่ทั่วไปจนเป็นสัญลักษณ์ของท้องที่ 
      นอกจากนี้มีตำนานเล่ากันว่าในสมัยโบราณมียายชื่อ “ยอง” ได้มาทำไร่ในบริเวณนี้จนเป็นที่รู้จักไปไกล ใครๆ พากันเรียกท้องถิ่นนี้ว่า “ไร่ยายยอง” ต่อมาเสียงเรียกได้เพี้ยนเป็น “ระยอง” ข้อสังเกตทางวิชาการด้านภาษา คือ การที่ชาวเขมรเรียกหอยว่า “คะยอง” และจังหวัดระยองอยู่ชายทะเล มีหอยชุกชุมตามชายฝั่งแม่น้ำระยอง บ้านดอน อู่ตะเภา รอตาหวน วังญี่ปุ่น เนินพระ ซึ่งชื่อ “ระยอง” อาจเพี้ยนมาจาก “คะยอง” ก็ได้




สภาพทั่วไปของจังหวัดระยองที่ตั้งและอาณาเขตจังหวัดระยองมีพื้นที่ประมาณ 3,552 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 2,220,000 ไร่ ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกของประเทศไทย ระหว่างเส้นรุ้งที่ 12 -13 องศาเหนือ และเส้นแวงที่ 101 - 102 องศาตะวันออก ห่างจากกรุงเทพฯประมาณ 179 กิโลเมตร มีอาณาเขต ดังนี้
ทิศเหนือติดเขตอำเภอหนองใหญ่ อำเภอบ่อทอง และอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
ทิศใต้ติดฝั่งทะเลยาวประมาณ 100 กิโลเมตร ของอ่าวไทย
ทิศตะวันออกติดเขตอำเภอนายายอาม และอำเภอแก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี
ทิศตะวันตกติดเขตอำเภอสัตหีบ และอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
ลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศจังหวัดระยองมีลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาในด้านตะวันออก และตอนกลาง มีพื้นที่ลาดเชิงเขาและที่ราบระหว่างหุบเขาจนถึงที่ราบลุ่มแม่น้ำ ด้านตะวันออกบรรจบกับที่ราบลุ่มชายฝั่งทะเลด้านทิศตะวันตก ทิศใต้เป็นอ่าวเล็กๆ และเกาะต่างๆ
      จังหวัดระยองมีลักษณะภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน ลมทะเลพัดผ่านตลอดปี อากาศอบอุ่นไม่ร้อนจัด บริเวณชายฝั่งทะเลเย็นสบาย ในฤดูฝนจะมีฝนตกชุกระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึง ตุลาคมของทุกปี ในปี 2546 มีฝนตกเฉลี่ยตลอดปี 118 วัน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยตลอดปี 1,769.50 มิลลิเมตร อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุด 37 องศาเซลเซียสและอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุด 22.9 องศาเซลเซียส





ประวัติความเป็นมาของจังหวัดชลบุรี
 จังหวัดชลบุรี เป็นดินแดนที่ปรากฏขึ้นมาในหน้าประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยทวารวดี  ขอม  และสุโขทัย  แต่เดิมเป็นเพียงเมืองเกษตรกรรมและชุมชนประมงเล็กๆหลายเมืองกระจัดกระจายกันอยู่ห่างๆ โดยในทำเนียบศักดินาหัวเมืองสมัยอยุธยากำหนดให้ชลบุรีเป็นเมืองชั้นจัตวา  ส่วนแผนที่ไตรภูมิก็มีชื่อตำบลสำคัญของชลบุรีปรากฏอยู่  เรียงจากเหนือลงใต้  คือ เมืองบางทราย  เมืองบางปลาสร้อย  เมืองบางพระเรือ  (ปัจจุบันคือบางพระ) และเมืองบางละมุง  แม้ว่าจะเป็นเพียงเมืองเล็กๆ แต่ก็อุดมไปด้วยทรัพยากรทั้งบนบกและในทะเล  มีการทำไร่  ทำนา ทำสวน  และออกทะเลมาแต่เดิม  นอกจากนี้ยังมีการติดต่อกับชาวจีนที่ล่องเรือสำเภาเข้ามาค้าขายกับกรุงสยามด้วย

          ดินแดนที่เรียกว่าจังหวัดชลบุรี   มีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์แล้ว   คือสามารถย้อนไปได้จนถึงยุคหินขัด  เช่น บริเวณที่ลุ่มริมฝั่งแม่น้ำพานทองเคยมีมนุษย์ยุคหินใหม่อาศัยอยู่ โดยชนกลุ่มนี้นิยมใช้ขวานหินขัดเพื่อการเก็บหาล่าไล่ รวมถึงใช้ลูกปัดและกำไล ภาชนะเครื่องปั้นดินเผาซึ่งมีลายที่เกิดจากการใช้เชือกทาบลงไปขณะดินยังไม่แห้ง  นอกจากนี้ยังพบเศษอาหารทะเลพวกหอย  ปู และปลาอีกด้วย   เมื่อปี พ.ศ. 2522 ได้มีการขุดสำรวจที่ตำบลพนมดี อำเภอพนัสนิคม พบร่องรอยของชุมชนโบราณก่อนประวัติศาสตร์โคกพนมดี  ทำให้สันนิษฐานได้ว่า  ภายในเนื้อที่ 4,363 ตารางกิโลเมตรของชลบุรี  อดีตเคยเป็นที่ตั้งเมืองโบราณที่มีความรุ่งเรืองถึง 3 เมือง  ได้แก่  เมืองพระรถ  เมืองศรีพโล  และ เมืองพญาแร่  โดยอาณาเขตของ 3 เมืองนี้รวมกันเป็นจังหวัดชลบุรีในปัจจุบัน




เมืองพระรถ
          ในสมัยทวารวดีและสมัยลพบุรี ประมาณ 1,400-700 ปีก่อน บริเวณตำบลหน้าพระธาตุ อำเภอพนัสนิคมในปัจจุบัน มีร่องรอยของเมืองใหญ่ชื่อ “เมืองพระรถ” ตั้งอยู่ในที่ราบลุ่มซึ่งแม่น้ำหลายสายไหลมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำพานทอง โดยสามารถใช้แม่น้ำสายนี้เป็นทางคมนาคมติดต่อกับเมืองศรีมโหสถในจังหวัดปราจีนบุรี (ปัจจุบันคือบริเวณบ้านสระมะเขือ  บ้านโคกวัด และบ้านหนองสะแก อำเภอศรีมโหสถ)  จนไปถึงอำเภออรัญประเทศได้  อีกทั้งยังมีเส้นทางเดินเท้าเชื่อมไปถึงจังหวัดระยองและจันทบุรี  ผ่านเมืองพญาเร่ซึ่งเป็นเมืองโบราณสำคัญอีกแห่งหนึ่งของชลบุรี  เมืองพระรถจึงกลายเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของชลบุรีในยุคนั้น
นอกจากนี้  นักโบราณคดียังสำรวจพบว่าเมืองพระรถเป็นเมืองโบราณยุคเดียวกับเมืองศรีพโล หรือเก่ากว่าเล็กน้อย  เนื่องจากปรากฏว่ามีทางเดินโบราณเชื่อมต่อสองเมืองนี้ในระยะทางประมาณ 20กิโลเมตร 




เมืองศรีพโล
           “เมืองศรีพโล” ตั้งอยู่บริเวณบ้านอู่ตะเภา ตำบลหนองไม้แดง อำเภอเมืองชลบุรี หน้าเมืองมีอาณาเขตจรดตำบลบางทรายในปัจจุบัน  เคยมีผู้ขุดพบโบราณวัตถุหลายอย่าง เช่น พระพุทธรูปทองคำ สัมฤทธิ์ แก้วผลึก ขันทองคำ ถ้วยชามสังคโลกคล้ายของสุโขทัย จระเข้ปูน และก้อนศิลามีรอยเท้าสุนัข เป็นต้น นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าเมืองศรีพโลเป็นเมืองในสมัยขอมเรืองอำนาจแห่งภูมิภาคอุษาคเนย์ และอาจจะมีอายุร่วมสมัยกับลพบุรีซึ่งอยู่หลังยุคอู่ทอง  และก่อนยุคอยุธยาคือประมาณปี พ.ศ. 1600-1900
           จากการขุดค้นทางโบราณคดีทำให้ทราบว่า  ตัวเมืองศรีพโลตั้งอยู่ใกล้กับปากน้ำบางปะกง  โดยเมื่อประมาณ 600 ปีก่อนในสมัยสุโขทัย  เมืองนี้มีฐานะเป็นเมืองท่าชายทะเลที่มั่งคั่ง  เปิดรับเรือสำเภาจากจีน กัมพูชา และเวียดนาม ให้มาจอดพักก่อนเดินทางต่อไปยังปากน้ำเจ้าพระยา (เป็นที่น่าเสียดายว่ากำแพงเมืองศรีพโลได้ถูกทำลายไปหมดสิ้นจากการก่อสร้างถนนสุขุมวิท จึงไม่เหลือร่องรอยทางโบราณคดีไว้ให้ศึกษา)  ต่อมาในสมัยอยุธยาเมืองศรีพโลก็ค่อยๆหมดความสำคัญลง อาจเพราะปากแม่น้ำตื้นเขินจากการพัดพาสะสมของตะกอนจำนวนมหาศาล  ประชาชนจึงย้ายถิ่นฐานลงมาสร้างเมืองใหม่ที่ บางปลาสร้อย ซึ่งก็คือ เมืองชลบุรี ในปัจจุบัน (วัดใหญ่อินทารามในตัวเมืองชลบุรีปัจจุบัน ยังปรากฏภาพจิตรกรรมฝาผนังการค้าขายระหว่างคนไทย จีน  และฝรั่ง  บ่งบอกถึงบรรยากาศการค้าขายอันคึกคักในอดีต)


เมืองพญาเร่
          “เมืองพญาเร่” ตั้งอยู่ในเขตตำบลบ่อทอง  อำเภอบ่อทอง เป็นเมืองยุคทวารวดีเช่นเดียวกับเมืองพระรถ  เมืองนี้ตั้งอยู่ในเขตที่สูง ห่างจากเมืองพระรถประมาณ 32 กิโลเมตร ลักษณะผังเมืองเป็นรูปวงรีชั้น ชั้นแรกมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1,100 เมตร ส่วนชั้นในประมาณ 600 เมตร โดยคูเมืองและคันดินของตัวเมืองชั้นนอกทางด้านเหนือยังคงปรากฏเห็นได้ชัดเจนในปัจจุบัน
           เมืองพญาเร่มีการติดต่อกับเมืองพระรถอยู่เนืองๆโดยใช้คลองหลวงเป็นเส้นทางสัญจร  ปัจจุบันลำคลองนี้ยังคงอยู่  โดยเป็นคลองสายสำคัญและมีความยาวที่สุดของจังหวัดชลบุรี   ทุกวันนี้การทำนาในอำเภอพนัสนิคมและอำเภอพานทอง  ยังคงอาศัยน้ำจากคลองนี้  เนื่องจากมีแควหลายสายแตกสาขาออกไป  แควใหญ่ที่สุด  คือ  แควที่เกิดจากทิวเขาป่าแดง